กรมอุตุฯ ประกาศพื้น​ที่สีแดง เสี่ยงพายุ​​​​​ฝน ​​​ถล่มหนัก 5-14 ก.ย.นี้

Author:

เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ศูนย์ประชาสัมพันธ์กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน ผ่านเพจเฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิยา โดยระบุว่า อัปเดทผลการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.)10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 5 – 14 ก.ย.68 จากแบบจำลองของกรมอุตุนิยมวิทยา (WRFDA) วิเคราะห์ตามผลจากแบบจำลองฯ โดยเฉดสีแดงหมายถึงฝนหนัก สีเขียวหมายถึงฝนเล็กน้อย

ในช่วงวันหยุดเสาร์ -จันทร์ นี้ (5 – 7 ก.ย.68) ประเทศไทยยังมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล ภายใต้อิทธิพลของร่องมรสุมที่เลื่อนลงมาพาดผ่านตอนกลางของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุม อย่างต่อเนื่อง ยังต้องเฝ้าระวังน้ำหลากจากฝนที่ยังตกสะสม

โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง (พิจิตร สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์) แต่อาจเป็นผลดีสำหรับภาคอีสานตอนกลางและตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.ปริมณฑล ที่จะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น แต่อาจเป็นอุปสรรคการเดินทางฝนตกถนนลื่น ต้องเพิ่มความระมัดระวัง พกร่ม เสื้อกันฝน ฝนมักจะเกิดขึ้นได้หลายช่วง ระมัดระวังรักษาสุขภาพช่วงหน้าฝน และระวังฝนตกสะสมในบางพื้นที่โดยเฉพาะภาคตะวันออก(นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทราจันทบุรี ตราด) ส่วนภาคใต้มรสุมยังมีกำลังปานกลาง อิทธิพลของมรสุม ทำให้มีฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งอันดามัน บริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ชาวเรือ ชาวประมงเดินเรือด้วยความระวัง โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ส่วน ช่วง 8 – 14 ก.ย.68 ประเทศไทย ยังมีฝนกระจายหลายพื้นที่ และยังมีฝนตกต่อเนื่อง หนักเบาสลับกันในบางวัน ส่วนมากบริเวณภาคเหนือตอนบนและด้านตะวันออก ภาคอีสาน ภาคกลาง กทม. และปริมณฑล อิทธิพลยังคงมาจากร่องมรสุมที่ยังคงสวิงขึ้นไปพาดผ่านทางตอนบนของไทย มรสุมพัดปกคลุมในช่วงนี้ ในบางวันยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคกลางด้วย ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง (ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามการประมวลผลข้อมูลใหม่ ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศเบื้องต้น )

ระยะนี้ มีสัญญาณการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะแรงขึ้นได้ แต่จะเคลื่อนตัวไปทางประเทศจีนตอนใต้ได้ (ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย) ซึ่งเป็นไปตามระบบสภาพภูมิอากาศในช่วงฤดูฝน

ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก กรมอุตุนิยมวิยา

เรียบเรียงโดยทีมข่าวสยามนิวส์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *